ฟาร์มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ในปริมาณมหาศาล โดยมีสัตว์อยู่ในฟาร์มอุตสาหกรรมมากกว่า 7 หมื่นล้านตัว ที่ต้องมีชีวิตอย่างทุกข์ทรมานเนื่องจากได้รับการดูแลที่ไม่มีสวัสดิภาพ
ส่งผลให้เกิดการใช้ยาปฏิชีวนะเกินความจำเป็น เพื่อให้สัตว์ทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างรุนแรง ผ่านการปนเปื้อนบนเนื้อสัตว์และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งส่งผลกระทบเป็น วงกว้างสู่คนจำนวนมากอย่างคาดไม่ถึง ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและถูกจุด อีกทั้งยังเป็นระบบอาหารที่กำลังทำลายตัวเองอยู่ โดยมีสัตว์ คนและโลกเป็นตัวประกัน
ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัวภายใน 50 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่เคยบริโภคเนื้อสัตว์อยู่ที่เฉลี่ยคนละ 23.1 กิโลกรัมต่อปีในช่วงปี พ.ศ.2504 มาเป็น 43 กิโลกรัมต่อคนต่อปีในปีพ.ศ. 2557 เพิ่มขึ้น เป็นสองเท่า ทำให้อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์จำเป็นต้องเร่งการผลิตเนื้อสัตว์ให้ได้ปริมาณมากที่สุด ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด แต่ยังคงรักษาต้นทุนให้ต่ำที่สุดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้นอย่างมหาศาล ด้วยวิธีการเร่งผลิตจำนวนเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จึงทำให้เกิดการจัดการสัตว์ในระบบฟาร์มอุตสาหกรรมที่เลวร้ายและส่งผลกระทบในหลายๆด้านให้กับสัตว์ คนและโลกใบนี้ ฟาร์มอุตสาหกรรม ระบบที่เป็นภัยต่อสุขภาพมนุษย์ เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่าแนวคิดเชิงธุรกิจในฟาร์มอุตสาหกรรมเชื่อมโยงกับการทารุณสัตว์ในฟาร์มมากขึ้น ขั้นตอนในการเลี้ยงสัตว์หลายอย่างสร้างความทรมานอย่างยิ่งให้กับสัตว์ฟาร์ม เช่นการตัดตอนอวัยวะในลูกหมู การเลี้ยงแม่หมูในคอกทั้งชีวิต หรือไก่ที่ถูกคัดเลือกสายพันธุ์ที่โตเร็วจนมีหน้าอกที่ใหญ่โตผิดปกติ รวมไปถึงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น มีพื้นที่คับแคบจนไม่สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้สัตว์ในฟาร์มเกิดความเครียดและเจ็บป่วยได้ง่าย ฟาร์มจึงต้องใช้ยาปฏิชีวนะเป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์